พลูด่างราชินีสีทองต้นละ 9 บาท #พลูด่างฟอกอากาศ #พลูด่างไม้มงคล #พลูด่างไม้ประดับ💥👉ต้นละ 6 บาท👈
#พลูด่างไม้มงคล #พลูด่างไม้ประดับ
#พลูด่าง ว่าแต่ทำไมพลูด่างถึงเป็นไม้ประดับที่เราแนะนำ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Epipremnum aureum
• ชื่อสามัญ : Devils ivy Golden pothos Hunters robe
ขนาดบรรจุ : 1กำ 5 กิ่ง แถม 1
Price: บาท
👉เก็บเงินปลายทางหรือสอบถามเพิ่มเติม LINE ID 0808986469
1.พลูด่างเป็นพืชที่มีความสวยงามที่สามารถปลูกได้ทั้งในน้ำและในดิน รวมทั้งยังปลูกง่าย อยู่ได้ทุกสถานที่ทั้งในโหลแก้วบรรจุน้ำ กระถาง ฯลฯ
2.พลูด่างพืชเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะหลายคนเชื่อว่าต้นพลูด่างช่วยสร้างบารมีคุ้มครองให้คนในบ้านอยู่เย็นเป็นสุข
3.นอกจากความเชื่อตามศาสตร์ต้นไม้ไทยแล้ว พลูด่างยังเป็นต้นไม้ที่ช่วยดูดสารพิษในอากาศ ดังนั้นหากคุณปลูกพลูด่างในบ้านหรือในอาคาร ต้นไม้ต้นนี้จะช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะออฟฟิศที่มีเครื่องถ่ายเอกสาร หรือมีการใช้น้ำยาทำความสะอาด ดังนั้นพลูด่างหากนำไปประดับไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยดูดสารเคมี สารพิษต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
4.พลูด่างเป็นพืชที่มีราคาไม่สูง ดังนั้นคนทั่วไปจึงสามารถซื้อหาไปปลูกประดับได้แบบไม่ต้องคิดมาก
5.พลูด่างปลูกและดูแลรักษาง่าย เพียงแค่ไม่ปล่อยให้น้ำแห้งและให้โดนแสงแดดบ้างเท่านั้น
การปลูกพลูด่าง
พลูด่างสามารถปลูกได้ด้วยการเพาะเมล็ด และการปักชำ แต่เนื่องจากพลูด่างมีอายุนานหลายปีกว่าจะออกดอก และติดเมล็ด ทำให้นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือลำต้นมากที่สุด เนื่องจากสามารถชำติดได้เร็ว กิ่งมีโอกาสตายน้อย สามารถชำในวัสดุเพาะหรือชำในน้ำก็ได้
การปักชำในดินจะเหมาะสำหรับพลูด่างทุกพันธุ์ ส่วนการปักชำในน้ำจะใช้เฉพาะพันธุ์ราชินีหินอ่อน และราชินีสีทอง เนื่องจากมีลำต้น และใบขนาดเล็ก สามารถแตกรากใหม่ได้เร็ว ลำต้นไม่เน่าง่าย
สำหรับการปลูกพลูด่างในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
1. การปลูกในแปลงจัดสวน
การปลูกในแปลงจัดสวนเป็นลักษณะการปลูกที่เหมาะสำหรับทุกพันธุ์ โดยพลูด่างยักษ์จะเหมาะสำหรับการปลูกในแปลงจัดสวนเท่านั้น โดยปลูกอิงกับต้นไม้ใหญ่หรือใช้เสาไม้หรือเสาปูนปักเพื่อให้ลำต้นอิงขึ้น ส่วนพลูด่างอีก 2 พันธุ์จะปลูกเป็นไม้ระดับล่างให้เลื้อยตามพื้นหรือใช้หลักอิงที่ไม่สูงมาก
การปลูกพลูด่างในแปลงจัดสวน ควรปลูกใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ลำต้นพาดเลื้อยขึ้นสูงได้ และที่สำคัญ การมีต้นไม้ใหญ่จะมีประโยชน์ในด้านการบังแสงแดด และให้ความชื้นแก่พลูด่าง เพราะพลูด่าง เป็นไม้ไม่ชอบแสงแดดจัด และไม่ทนต่อความร้อน
การดูแลพลูด่างหลังปลูก ควรจัดปลายเถาหรือปลายลำต้นให้พาดอิงกับต้นไม้ และใช้เชือกคล้องรัดหลวมๆ เพื่อช่วยให้เลื้อยพาดได้เร็วขึ้น
การใส่ปุ๋ย อาจใส่เป็นบางครั้งคราว เพราะเป็นไม้ที่ไม่ต้องการแร่ธาตุสูงมากนัก ปุ๋ยที่ใส่อาจใส่เพียงปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็เพียงพอ ส่วนการรดน้ำ ควรรดน้ำเป็นประจำ อย่างน้อย 5-7 วัน/ครั้ง
2. การปลูกในกระถาง
การปลูกในกระถางเหมาะสำหรับพันธุ์ราชินีหินอ่อน และราชินีสีทอง ซึ่งมีทั้งการปลูกในกระถางแขวน และกระถางตั้งดิน โดยใช้ดินผสมกับวัสดุอินทรีย์ เช่น แกลบ ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ หรือมูลสัตว์ อัตราส่วนดินกับวัสดุอินทรีย์ที่ 1:1 หรือ 2:1
การปลูกในกระถางตั้งดิน จำเป็นต้องใช้หลักปักกลางกระถางที่หุ้มด้วยขุ๋ยมะพร้าวสำหรับให้รากยึดเกาะ การรดน้ำจะรดจากปลายหลัก ให้ไหลลงปากกระถาง ส่วนการปลูกในกระถางแบบแขวน ต้นพลูด่างจะอิงลำต้นตามลวดที่ขึงไว้ แต่หากต้นโตมากจำเป็นต้องคอยตัดแต่งให้มีขนาดที่เหมาะสม แต่ทั่วไป นิยมปล่อยเลื้อยให้ห้อยลงด้านล่าง ทั้งนี้ ควรรดน้ำเป็นประจำ อย่างน้อย 3 วัน/ครั้ง
3. การปลูกในแจกัน
การปลูกในแจกันหรือวัสดุประยุกต์อื่น เช่น แก้วน้ำ ขวดน้ำ จะใช้น้ำแทนดิน อาจใช้น้ำเพียงอย่างเดียวหรือน้ำละลายปุ๋ยเคมี พันธุ์ที่นิยมแบบวิธีนี้ คือ พันธุ์ราชินีหินอ่อน และราชินีสีทอง
หากใช้น้ำอย่างเดียว น้ำที่่ใช้ควรเป็นน้ำบ่อหรือน้ำบาดาลที่ลักษณะใส ไม่สกปรกหรือไม่ใช่น้ำเน่าเสีย เพราะแหล่งน้ำประเภทนี้จะมีแร่ธาตุที่ช่วยเสริมการเติบโตได้ดีกว่าน้ำฝนหรือน้ำประปา
ส่วนน้ำละลายปุ๋ยเคมีหรือปลูกในน้ำแล้วค่อยใส่ปุ๋ยเคมี เป็นวิธีเพิ่มแร่ธาตุให้แก่พืชที่ดีกว่าการใช้น้ำเพียงอย่างเดียว ปุ๋ยที่ใช้ ได้แก่ สูตร 16-8-8 อัตราต่อน้ำที่ 10-20 เม็ด/น้ำ 1 ลิตร ใส่ทุกๆ 2-3 เดือน/ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับขนาดลำต้นของพลูด่าง และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกครั้งหรือทุกๆ 2 ครั้ง เมื่อใช้ปุ๋ย เนื่องจากการใส่ปุ๋ยจะเพิ่มความเป็นกรดของน้ำ อาจทำให้พลูด่างเหี่ยวตาย โดยเฉพาะการใส่ปุ๋ยจำนวนมาก